• tomato sandwich

    หัวข้อของข้อความทางซ้าย

    หัวข้อรองทางซ้าย

    • รายการที่ 1
    • รายการที่ 2
    • รายการที่ 3
    • รายการที่ 4
    • รายการที่ 5
  • ใส่ข้อความอย่างเดียว

    - Hackublog

ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2563

ที่มาของจังหวัด"บึงกาฬ"

                       ประวัติ  เดิม อำเภอบึงกาฬ (คือ จังหวัดบึงกาฬในปัจจุบัน) มีชื่อเดิมว่า ไชยบุรีซึ่งขึ้นกับจังหวัดนครพนม จนกระทั่งปี พ.ศ. 2460 ได้ถูกโอนย้ายให้ขึ้นต่อจังหวัดหนองคาย และถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บึงกาฬ ในปี พ.ศ. 2482
ต่อ มา ในปี พ.ศ. 2537 ได้มีการร้องขอให้จัดตั้งเป็นจังหวัดบึงกาฬ ตามข้อเสนอของนายสุเมธ พรมพันห่าว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเสรีธรรม จังหวัดหนองคาย โดยแยกพื้นที่อำเภอบึงกาฬ อำเภอปากคาด อำเภอโซ่พิสัย อำเภอพรเจริญ อำเภอเซกา อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวิไล และอำเภอบุ่งคล้า ออกจากจังหวัดหนองคาย แต่กระทรวงมหาดไทย ยังไม่มีแผนที่จะยกฐานะอำเภอบึงกาฬขึ้นเป็นจังหวัด เพราะการจัดตั้งจังหวัดใหม่เป็นการเพิ่มภาระด้านงบประมาณ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มกำลังคนภาครัฐซึ่งขัดมติคณะรัฐมนตรี
จน กระทั่ง เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2553 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายเทวฤทธิ์ นิกรเทศ ส.ส.สัดส่วน พรรคกิจสังคมได้ตั้งกระทู้ถามสดต่อนายกรัฐมนตรี เรื่องการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ และทางกระทรวงมหาดไทยเห็นด้วย กำลังอยู่ในกระบวนการนำเข้าเสนอต่อที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งเรื่องเข้ามาสู่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อเสนอเป็นกฎหมายพ.ร.บ.จัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ ต่อไป
ต่อมาในวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ



บึงกาฬ หมายถึง บึงที่มีสีดำค่ะ คำว่า กาฬ มาจากคำว่า นิลกาฬ ซึ่งเป็นพลอยชนิดหนึ่งที่มีสีดำ (พลอยนิลกาฬ)  
ตัวจังหวัดบึงกาฬนั้นมีบึงขนาดใหญ่มากอยู่ในตัวจังหวัด และบึงที่ว่ามีน้ำใสๆแต่ออกดำๆ ด้วยค่ะ ( ไม่ได้เน่านะ )






วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2562

กว่าจะมาเป็น"บึงกาฬ"

               จังหวัดบึงกาฬ เป็นจังหวัดที่มีการร้องขอให้จัดตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2537 และผ่านมติเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อนำทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยจะต้องออกเป็นพระราชบัญญัติการจัดตั้งจึงจะมีผลโดยสมบูรณ์
การร้องขอจัดตั้งถูกขอตามข้อเสนอของนายสุเมธ พรมพันห่าว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเสรีธรรม จังหวัดหนองคาย โดยแยกพื้นที่อำเภอบึงกาฬ อำเภอปากคาด อำเภอโซ่พิสัย อำเภอพรเจริญ อำเภอเซกา อำเภอบึงโขงหลงอำเภอศรีวิไล และอำเภอบุ่งคล้า ออกจากจังหวัดหนองคาย
จังหวัดบึงกาฬที่เสนอให้จัดตั้งมีพื้นที่ทั้งหมด 4,305 ตร.กม.  จากการสำรวจความเห็นของประชาชน จำนวน 366,903 คน ปรากฏว่าประชาชนเห็นด้วยกับการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ ร้อยละ 98.83 หากมีการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ จะมีประชากรประมาณ 390,000 คน ประกอบด้วย 8 อำเภอ


ภาพริมฝั่งโขง บึงกาฬ

        จังหวัดบึงกาฬ เคยเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดหนองคาย มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง มีน้ำตก มีภูเขา เป็นจังหวัดที่มีเขตพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขง และอีกฝั่งตรงข้ามแม่น้ำโขงจะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน (ลาว) มีการคมนาคมสะดวก



          
อาณาเขต
              ทิศเหนือ            ติดแม่น้ำโขง(ตรงข้ามเมืองปากซัน สปป.ลาว)
                                        ทิศใต้                  ติดอำเภอโซ่พิสัย, ศรีวิไล และอำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย 

ทิศตะวันออก        ติดอำเภอบุ่งคล้า จังหวัดหนองคาย
  ทิศตะวันตก          ติดอำเภอปากคาด จังหวัดหนองคาย


สภาพภูมิประเทศ 
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม สภาพภูมิอากาศเป็นแบบมรสุม (ร้อน) มี 3 ฤดู

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

อาหารขึ้นชื่อของ บึงกาฬ 2

สำหรับมื้ออาหารว่าง ช่วงปั่นจักรยานเที่ยวในเมืองนั้น ไปลองกินกาแฟโบราณบึงกาฬร้าน "แม่โจ้คอฟฟี่" ร้านนี้มีกาแฟ และขนมถ้วยอร่อยๆขาย ขนมถ้วยร้านนี้อร่อยจริงๆ สำหรับผมเสน่ห์ที่แท้จริงของร้านนี้คือการได้ไปร่วมวงสนทนากับคนบึงกาฬอย่างเป็นกันเอง พักเหนื่อยจากการขี่จักยานเที่ยวบึงกาฬ ไปคุยกับชาวบ้านบึงกาฬครับ
สำหรับคนที่ชอบนั่งสบายๆ ร้านดูดีนิดนึงลองไปร้าน "มุกดาเบเกอรี่"  เขามีทั้งกาแฟ เค้ก ขนม ร้านนี้หลายๆคนคงชอบ ร้านเปิดแอร์เย็น นั่งกินกาแฟสบายๆ ร้านนี้อยู่แถวๆตลาดยามเช้า หน้าร้านมีต้นม่านบาหลียาว สวยแปลกตาน่านั่งเล่น จิบกาแฟดูชาวบึงกาฬเดินไปตลาด ร้านมุกกาเป็นอีกร้านที่คนบึงกาฬแนะนำต้องไปชิมครับ อ้อลืมบอกไปว่าไม่มีกาแฟสดนะมีแต่เนสกาแฟ




ตกกลางคืนอาหารค่ำให้ไปแถวๆ ริมแม่น้ำโขงแถวๆโรงแรมแม่น้ำ ตลอดเส้นทางมีร้านอาหารเปิดหลายร้าน หลายแนวให้เลือก สำหรับผมเลือกเนื้อย่างเกาหลี "เจนเนื้อย่างเหลี"ร้านนี้เป็นบุฟเฟต์คนบึงกาฬกินกันแน่นช่วงเย็น เนื่องจากอร่อยและถูกหัวละ 99 บาท กินอย่างไรก็คุ้ม ผมนั่งกินคนเดียวเขาคิดเพิ่มเป็นหัวละ 129 บาท กินเสร็จเดินชมวิวริมโขงปากซันกลับที่พัก สบายๆไม่ไกลกัน
คงนึกภาพออกแล้วนะครับไปบึงกาฬต้องไปกินกันร้านไหน เที่ยวแบบสบายๆ แบบนักท่องเที่ยวอิสระไม่ต้องกินร้านแพงๆหรอกครับ เก็บเงินไว้จ่ายที่จำเป็นกว่านี้ จะได้เที่ยวได้หลายวัน แต่หากใครเงินเหลือเยอะก็ไม่ว่ากัน  Mr.Hotsia พาเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ สิงหาคม 2553




ขนมถ้วยร้านกาแฟแม่โจ้บึงกาฬ หอมใบเตย อร่อยมาก


ร้านมุกดาเบเกอรี่บึงกาฬ มีขนมเค้กอร่อยๆและขนมหลายอย่าง คนบึงกาฬบอกว่าอร่อยจริง

ไก่ย่างวิเชียรบุรีสูตรจ่าพนมจังหวัดบึงกาฬ กินกับข้าวเหนียวส้มตำมื้อเที่ยงคนบึงกาฬกินร้านนี้

ตำถั่วปลาร้าร้านไก่ย่างวิเชียรบุรีจังหวัดบึงกาฬ

ร้านขาหมูทอดกรอบตุ๋นยาจีนร้านอร่อยอีกร้านกลางเมืองบึงกาฬ





วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อาหารขึ้นชื่อของ บึงกาฬ





จังหวัดบึงกาฬจังหวัดเล็กๆ ร้านอาหารที่เข้าตาเวียนอยู่กลางเมืองไม่กี่ร้าน หากไปเที่ยวที่จังหวัดบึงกาฬแล้วคิดไม่ออกก็กินตามลายแทงที่ผมให้ได้เลยครับ ผมใช้วิธีถามชาวบึงกาฬดูว่าร้านไหนอร่อย และก็ชิมเสียเองเลยส่วนหนึ่ง
ร้านแรกขอแนะนำร้านอาหารเช้าของชาวบึงกาฬ คนบึงกาฬนิยมกินข้าวเปียกยามเช้าต่อแถวซื้อกันเลยครับ ร้านนี้อยู่ตรงข้ามโรงแรมสมานมิตร เปิดแต่เช้าสายๆก็หมดแล้ว ข้าวเปียกนั้นจริงๆมีสองชนิดนะครับ อย่างแรกคือข้าวเปียกข้าวที่ผมพาไปกินที่เวียงจันทน์ (ดูข้าวเปียกข้าวอีกอย่างหนึ่งข้าวเปียกเส้นแบบที่ร้านอาหารเช้าที่ผมพาชิมเนี่ยเหละครับ จังหวัดบึงกาฬอยู่ตรงข้ามปากซันลาว วัฒนธรรมการกินจึงคล้ายกัน


ข้าวเปียกเส้นบึงกาฬ                                                              ร้านอาหารเช้าบึงกาฬ


เสน่ย์ของข้าวเปียกบึงกาฬและข้าวเปียกที่อื่นๆอยู่ที่ เส้นที่ใหม่สดเสมอ นุ่มหอม เมื่อนำไปทำข้าวเปียกปรุงรสตามชอบจะได้ข้าวเปียกที่อร่อย ข้าวเปียกจะใส่เลือดหมู ลูกชิ้น หมูสับ คล้ายๆก๋วยจั๊บ น้ำซุบกระดูกที่ใส่ในข้าวเปียกมีรสชาดโดดเด่น ใส่เส้นข้าวเปียกลงไปรสจะอร่อยไปอีกแบบนึง ร้านข้าวเปียกนี้เปิดมานาน คนในตัวเมืองจังหวัดบึงกาฬผมว่าทุกคนต้องเคยคนแน่ๆ หากมาบึงกาฬร้านนี้ข้ามไม่ได้เด็ดขาด
ร้านอาหารเช้ายังไม่อีกร้านที่ผมไม่ได้ไปชิมคือร้าน "ไข่กระทะบึงกาฬ" ร้านนี้ขายเป็นชุดมีไข่กระทะ ขนมปังด้วย ขายชุดละ 50 บาท ผมเองไม่ค่อยชอบอาหารเช้าไม่ใช่แบบไทยๆ เลยไม่ได้ลองชิม แต่ดูจากคนที่เข้าไปทานร้านนี้ก็เชื่อได้ว่าอร่อยเช่นกัน

มื่อผ่านอาหารเช้าไปแล้วร้านต่อไปคือขอแนะนำคือร้าน "บ้านรักสุขภาพ" ร้านนี้อยู่ตรงข้ามเยื้องๆกับโรงแรมสำราญมิตร เป็นร้านเล็กบริหารจัดการโดยสองสาวบึงกาฬ ไม่แน่ใจว่ามีเชื้อสายสาวปากซันด้วยไหม ร้านนี้เน้นเครื่องดื่มสุขภาพ คนบึงกาฬกำลังนิยมกันเลยครับ ร้านพึ่งเปิดไม่นานแต่ได้รับความนิยมสูง มีอะไรดีแวะไปทักทายกันได้ เจ้าของกันเองมาก ผมก็ใช้ที่นี่เป็นแหล่งของมูล ททท. ท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ ถามไปหมดทุกอย่างที่อยากรู้เลย




สำหรับมื้อเที่ยงลองแวะไปกิน "ไก่ย่างวิเชียรบุรีสูตรจ่าพนม" จังหวัดบึงกาฬดูกันไหม ปกติไก่ย่างวิเชียรบุรีเนี่ย ผมก็ไม่เคยเห็นว่าสูตรไหนเสียที เคยไปกินที่วิเชียรบุรีก็มีแต่ร้านเกาแก่ไก่ย่างตาแป๊ะ แสดงว่าที่บึงกาฬต้องมีอะไรที่แตกต่างแน่ ร้านนี้มีไก่ย่าง ส้มตำ คนบึงกาฬไปกินกันแน่นตอนเที่ยงตรง
  

  


>>>   2  >>>

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

10 อันดับ สถานที่เที่ยวที่ถึงบึงกาฬแล้วพลาดไม่ได้เลย...

ขออนุญาติที่จะเริ่มที่จังหวัดที่ 10 ก่อนเลยนะค่ะ 

ตามมาดูกันเลยค่ะ

.

.

.

.

อันดับที่ 10 วัดสว่างอารมณ์ (วัดถ้ำศรีธน)




จากตัวเมืองใช้เส้นทางหลวง หมายเลข 212 ไป 90 กิโลเมตร 

ถึงอำเภอปากคาด มีทางแยกขวาเข้าวัดไปอีก 500 เมตร

 วัดสว่างอารมณ์ตั้งอยู่บริเวณลานหินเนินเขา ร่มรื่นด้วยต้นไม้

และลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่าน บริเวณใต้โขดหินหาก
ใหญ่ประดิษฐานพระนอน

ให้ผู้คนสักการะ บูชา บนโขดหินมีอุโบสถทรงระฆังคว่ำ

ขึ้นไปถึงด้านบนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ไกลจนถึงฝั่งลาว


***********************************************************



อันดับที่ 9 น้ำตกธารทิพย์






(อยู่ในหนองคาย) อยู่เลยอำเภอสังคมไปประมาณ กิโลเมตร 

โดยเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 211 ถึงบริเวณ กม. 97-98

มีป้าย บอกทาง เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ กิโลเมตร เมื่อถึงลานจอดรถ

ต้องเดินเท้าอีก 100 เมตรจึงถึงตัวน้ำตก น้ำตกธารทิพย์ เป็นน้ำตกที่สูง

และ สวยงามท่ามกลางป่าเขียวขจี แบ่งออกเป็น ชั้น ด้านล่างเป็นน้ำตก

ชั้นแรกสูงประมาณ 30 เมตร ไหลจากหน้าผาเป็นสายยาวสีขาวสู่

แอ่งน้ำเบื้องล่าง ชั้นที่ สูงประมาณ 100 เมตร ต้องปีนขึ้นไปตามเส้นทาง

ที่ทำไว้ และชั้นที่ สูงประมาณ 70 เมตร มีน้ำไหลอยู่ตลอดปี

และจะมีน้ำมากในฤดูฝน


***********************************************************


อันดับที่ น้ำตกชะแนน






จากนั้นไปชม น้ำตกชะแนน ซึ่ง นับเป็นน้ำตกที่ใหญ่


และสวยงามที่สุดในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว

และเดินทางเข้าถึงได้ยากที่สุด การเดินทางเข้าน้ำตกชะแนนสามารถ

เข้าได้ ทาง โดยรถยนต์ขับเคลื่อน ล้อ และทางเรือ

ที่เป็นไฮไลท์ของน้ำตกชะแนน ก็คงจะเป็น สะพานหิน

ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น้ำลอดหายไปใต้แนวหินที่มีความยาว

ประมาณ 100 เมตร และมีบึงจระเข้ซึ่งเป็นบึงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่เหนือน้ำตก

เดินตัดน้ำตกขึ้นไปอีกประมาณ 300 เมตร บริเวณริมบึงมีหาดทรายกว้าง

เหมาะสำหรับใช้เป็นพื้นที่กางเต้นท์พักแรมได้ค่ะ



***********************************************************




อันดับที่ น้ำตกเจ็ดสี







และที่ดูจะพลาดไม่ได้ก็คงเป็นการไปชมน้ำตกที่มีชื่อเสียง


ของเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่าภูวัว อย่าง น้ำตกเจ็ดสี โดยแต่เดิมชื่อน้ำตกกะอาม

มี ชั้น เป็นน้ำตกจาหน้าผาสูงทำให้เกิดเป็นละอองน้ำ

เมื่อกระทบกับแสงแดดจึงเกิดสีต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อน้ำตกนั่นเองค่ะ




***********************************************************




อันดับที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว






ซึ่ง ถือว่าเป็นแหล่งต้นน้ำ ลำธารที่สำคัญของบึงกาฬอีกด้วยค่ะ

ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว นั้นมีสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นการชมธรรมชาติและสัตว์ป่าที่ยังคงมีอยู่จำนวนมาก





***********************************************************




อันดับที่ ศาลเจ้าแม่สองนาง






เป็นศาลที่สิงสถิตย์ของเจ้าสองนางลุ่มน้ำโขงที่มีความศักดิ์สิทธิ์

และเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านและบุคคลทั่วไป




***********************************************************




อันดับที่ กุดทิง








เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ มีปลาน้ำจืดมากมาย
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นและตกแสงจะตกกระทบกับน้ำสวยงามมาก
เหมาะสำหรับเป็นที่นั่งพักผ่อนชมวิวมาก


***********************************************************




อันดับที่ หาดทรายขาวริมฝั่งแม่น้ำโขง




เป็น หาดทรายขาวริมฝั่งแม่น้ำโขงที่สวยงามระยะทางยาว

ประมาณ กม. เมื่อยามเช้าและเย็นอากาศดีลมพัดเย็นสบาย

และความสวยงามเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน






***********************************************************





อันดับที่ วัดโพธาราม





วัดโพธาราม ตั้งอยู่ที่ ต.บึงกาฬ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย


เป็นวัดที่ชาวบ้านนับถือ





***********************************************************



อันดับที่ หลวงพ่อใหญ่ วัดโพธาราม





หลวงพ่อ ใหญ่ เป็นพระพุทธรูปปรางมารวิชัย โบกฉาบด้วยปูน


หน้าตักกว้าง เมตร จากฐานถึงยอดพระเกตุสูง 2.10 เมตร 

จากพระฌานุ (เข่า) ถึงพระศอ (คอ) สูง 0.90 เมตร 

และจากพระศอ ถึงยอดพระเกตุ สูง 1.20 เมตร 

พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนหน้าตัก พระหัตถ์ขวาคว่ำวางทับพระฌานุ

นิ้วพระหัตถ์ทั้ง เหยียดทั้ง เหยียดลงอย่างมีระเบียบ

เหมือนพระพุทธรูปทั่วไป ประดิษฐานอยู่บนแท่นสี่เหลี่ยม

ซึ่งได้บูรณะขึ้นใหม่ในปี พ.ศ.2537